The Tearsmith (2024) เจ้าแห่งน้ำตา

The Tearsmith (2024) เจ้าแห่งน้ำตา ภาพยนตร์โรแมนติก / วัยรุ่น จากทาง Netflix กำกับการแสดงโดย Alessandro Genovesi เริ่มต้นเข้าฉายเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2024 นักแสดงนำ Biondo, Caterina Ferioli, Alessandro Bedetti, Eco Andriolo โชคชะตา ความรัก ที่ทำให้สองชายหญิงต้องเข้ามาพัวพัน แต่เหมือนว่าการพบกันของพวกเขานั้น กลับเป็นจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวด
นิกา เด็กสาวที่เติบโตขึ้นมาในบ้านเด็กกำพร้า เธอมีนิสัยที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใครสักเท่าไร ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่คนเดียวจนทำให้เธอนั้นไม่มีเพื่อนเลยสักคน ซึ่งตัวของเธอเองมองว่าสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ก็เปรียบเสมือนสุสานคนเป็น ที่ไม่มีอนาคตให้แก่เธอเลย ซึ่งเรื่องราวของเธอก็ดูเหมือนว่าจะเหมือนกับความเชื่อในนิยาย เรื่องราวของเจ้าแห่งน้ำตา ที่มักจะสร้างความกังวลและทำให้จิตใจมนุษย์เกิดความอ่อนแอ ภาพตัดไปที่ นิกา ในวัย 17 ปี เหมือนว่าตัวของเธอนั้นจะถูกรับเลี้ยงโดยครอบครัวอุปถัมภ์ แม้ว่าตัวของเธอดูจะไม่ค่อยยินดียินร้ายเท่าไร แต่ก็ต้องจำใจไปอยู่บ้านหลังใหม่ สังคมใหม่ แต่เหมือนว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้กลับไม่ได้ทำให้เธอนั้นโดดเดี่ยว นิกาได้รู้จักกับ ริเกล เด็กหนุ่มกำพร้าอีกคน เขามีนิสัยลึกลับ พูดน้อย ซึ่งทั้งสองรู้จักกันในฐานะพี่น้องที่ต้องมาอยู่ในบ้านเดียวกัน ในขณะที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันในบ้านอยู่นั้น นิกามองว่าริเกลคงจะไม่ค่อยพอใจในตัวของเธอสักเท่าไร เขามักจะมีใบหน้าเรียบเฉย มองเธอเหมือนอากาศ นี้ยิ่งทำให้นิการู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์นี้เป็นอย่างมาก แต่เหมือนว่าหลังจากที่พวกเขาทั้งสองพูดคุยกันโดยบังเอิญ ทำให้ทั้งสองนั้นเริ่มต้นมีความรู้สึกดีๆ กัน เพราะเหมือนว่าเขาทั้งสองสามารถที่จะเข้าอกเข้าใจกันอย่างดี เรื่องราวความรัก ความสัมพันธ์ ในครั้งนี้จะดำเนินไปอย่างไร ในขณะที่ทั้งสองมีความรู้สึกดีๆ ต่อกันเพิ่มมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่พวกเขาก็ถูกจำกัดด้วยคำว่า “พี่น้อง” ร่วมกันเอาใจช่วยและติดตามกันต่อในหนังเต็มกันได้เลย
เป็นภาพยนตร์ที่ทำให้เรานึกย้อนไปในหนังรักยุค 2000 ตัวหนัง โทนต่างๆ ค่อนข้างที่จะสมูทอย่างมากเลย แถมเรื่องของตัวบทยังแทรกความวาบหวิว มีความอีโรติกเบาๆ ด้วย สร้างให้คนดูรู้สึกใจเต้นรัวๆ ได้ไม่น้อยเลยล่ะ ตัวหนังค่อนข้างเขียนมาแบบบทนิยาย มีการดำเนินเรื่องต่างๆ ความดราม่าต่างๆ ไปในทิศทางที่เดาทางได้ แถมยังมีบางฉากที่หนังไม่ค่อยเข้ากัน มีความย้อนแย้งกันเยอะเลยทีเดียว โดยรวมแล้วจุดที่ชอบที่สุดของหนังเรื่องนี้คือ การเกลี่ยสีภาพ ตัวพระนางที่ถ่ายทอดออกมาได้ดี ซึ่งเราขอให้คะแนนภาพรวมของหนังอยู่ที่ 5.5/10