The Roundup (2022) บู๊ระห่ำล่าล้างนรก

The Roundup (2022) บู๊ระห่ำล่าล้างนรก หรือ The Outlaws 2 เป็นหนังภาคที่สองต่อจากเรื่อง The Outlaws (2017) หนังเกาหลี แนวแอ็กชัน, อาชญากรรม, ระทึกขวัญ อีกหนึ่งผลงานกำกับของ Sang-yong Lee ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเกาหลีใต้มาก ตามด้วยขบวนนักแสดงนำอย่าง มาดงซอก, ซนซอกกู, ชเวกวีฮวา, พัคจีฮวัน, ฮอดงวอน, ฮาจุน, จองแจกวัง, และอึมมุนซุก เป็นเรื่องราวของนักสืบหนุ่มร่างยักษ์ ที่กลับมาร่วมปฏิบัติการครั้งใหม่กับทีมอีกครั้ง หลังจากได้รับภารกิจให้ลงพื้นที่ไปสืบสวนในประเทศเวียดนาม เพื่อเสาะหาฆาตกรจากเกาหลีที่ยังแอบหลบหนีข้ามแดน ภารกิจที่ดูเหมือนง่าย ๆ แต่กลับไม่หมูอย่างที่คิด เพราะมีเรื่องราวที่เกี่ยวพันจนวุ่นวายบานปลายถึงระดับชาติเลยทีเดียว
มาซอกโด หนุ่มร่างยักษ์ที่เป็นตำรวจพันธุ์ดุที่กลับมาทำงานอีกครั้ง ซึ่งเขาได้เข้าร่วมงานกับทีมใหม่ นำโดย จางแทซู และสายสืบคิมมันแจ เพื่อทำหน้าที่สืบสวนและตามจับตัวคนร้ายในคดีฆาตกรรมปริศนา แต่ก็พบว่านี่ไม่ใช่แค่คดีฆาตกรรมธรรมดา แต่กลับพัวพันกับยาเสพติดและผู้มีอิทธิพลข้ามชาติ ที่ยิ่งขุดลึกก็ยิ่งค้นเจอตออย่างจูซองชอลที่คอยตามขัดขวาง และคอยป่วนอยู่ตลอด แต่ก็ไม่ได้ทำให้มาดงซอกล้มเลิก กลับทำให้เขาเจอกับเบาะแสใหม่ที่เกี่ยวพันกับนักค้ายาชาวญี่ปุ่น ริคกี้ ยากูซ่าขาใหญ่ที่ส่งแก๊งมาเฟียข้ามชาติ เพื่อไปสร้างความวุ่นวายที่เกาหลี่ในครั้งนี้ด้วย ดูแล้วไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อย่างแน่นอน เขาจะสามารถปิดจ๊อบได้หรือไม่ และเรื่องราวจะสนุกและมันขนาดไหน ต้องหาชม
หนังสัญชาติเกาหลีที่เป็นหนังบู๊ และการสืบสวนที่ไม่ได้จะมีแค่ฉากบู๊ล้างผลาญเท่านั้น แต่หนังให้ความบันเทิงตลอดสองชั่วโมง ไม่มีตก ไม่มีอืดเลย แถมมีการแทรกมุกตลกที่ทำให้ดูแล้วสนุกไม่น่าเบื่อ ตอบโจทย์ความบันเทิงเริงใจมาก จนอยากบอกว่า “โอ๊ย…สนุก” ที่อยากอุทานตอนดูหนังเรื่องนี้ เพราะในฉากขำ ก็สามารถทำให้คนดูยิ้มและหัวเราะได้ เมื่อหนังถึงฉากบู๊ก็บู๊ได้สะใจคนดู จนทำให้เรามองข้ามอะไร ๆ ที่ไม่ค่อยเมคเซนส์ไปได้โดยไม่รู้ตัว หนังมีพล็อตเรื่องที่ไม่ได้ซับซ้อน ดูแล้วเข้าใจได้ง่าย ที่ถึงแม้ตอนจบจะเป็นเหมือนหนังบู๊ทั่วไป ที่พระเอกจะเป็นชนะ อีกหนึ่งเรื่องที่โดนใจเราคือเรื่องนี้ฉีกกฎความเป็นพระเอกหนุ่มหล่อหุ่นดี ด้วยพระเอกหุ่นหมี แต่ดูดี ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งแรงดึงดูดให้หลาย ๆ คนชื่นชอบและอมยิ้มได้ ใครที่ชอบหนังแนวแอ็กชัน บู๊ต้องถูกใจแน่นอน เอาเป็นว่าโดยรวมแล้วเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สนุกดูเพลิน เราขอให้คะแนนที่ 7.0/10