The Hypnosis (2021) สั่งจิตสยอง

The Hypnosis (2021) สั่งจิตสยอง เป็นภาพยนตร์แนวดราม่า เขย่าขวัญ ของประเทศเกาหลีใต้ ที่กำกับโดย ชเวแจฮุน และนำแสดงโดย อีเดวิด รับบท โดฮยอน, โจฮยอน รับบท ซอฮยอนจุง, คิมโดฮุน รับบท บยองจุน, นัมมินอู รับบท ชานกยู, คิมนัมอู รับบท จินโฮ, ซนบยองโฮ รับบท ศาสตราจารย์ชเว, ซออีซุก รับบท ยอกยองฮี, และคิมมินจุน รับบท ซึงมิน

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นจากโดฮยอนหนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย ที่สูญเสียความทรงจำในวัยเด็กไป เนื่องจากอุบัติเหตุ เขาก็ได้รู้จักกับ จินโฮ เพื่อนสนิทที่มีเรื่องราวเบื้องหลังคล้าย ๆ กันเพราะเขานั้นได้สูญเสียพ่อและแม่ไปจากอุบัติเหตุ ยังมี ฮยอนจุง เน็ตไอดอลสาวที่เติบโตมาด้วยคำดูถูกและโดน บุลลีมาตลอด อยู่มาวันนึงเขาได้ยินเรื่องการทดสอบการสะกดจิตกระตุ้นความกลัวในใจ จากศาสตราจารย์ชเว ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรค PTSD ซึ่งในช่วงต้นยุค 2000 ในเกาหลี มีการศึกษาเหล่าเด็กที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว เป็นการใช้วิธีการสะกดจิตกระตุ้นความกลัวในใจ เพื่อควบคุมพฤติกรรมของพวกเขา ทุกวันนี้การสะกดจิตบำบัด ถูกใช้อย่างแพร่หลายทั้งในอเมริกาและในญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีความน่าเชื่อถือ ยังช่วยการสืบสวนคดีฆาตกรรมสมัยนั้นได้อีกด้วย หลาย ๆ คนมองว่าการสะกดจิตเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์หลอกลวงโลกและผลของการสะกดจิตก็เปลี่ยนเด็ก ๆให้ยิ่งทำร้ายกันมากขึ้น ซึ่งเขาก็รู้สึกสนใจเรื่องนี้มาก ๆ ได้ไปคุยกับศาสตราจารย์ชเว เขาก็เสนอให้ โดฮยอน เข้าทดสอบการสะกดจิต โดฮยอน เก็บเรื่องนี้ไปบอกกับ ฮยอนจุง ชวนเธอเข้ารับการสะกดจิตด้วยกัน แต่หลังจากการเข้ารับการทดสอบนั้น ทั้งคู่มีอาการผิดปกติไปจากเดิม โดฮยอนเห็นภาพหลอนปริศนาขึ้น นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอันเลวร้าย เขาจึงเริ่มตามหาความจริงของภาพหลอนที่เกิดขึ้น พวกเขาจะพบเจอกับเรื่องราวอะไรบ้าง ความจริงอันแสนเจ็บปวด ที่จะทำให้พวกเขาฝันร้ายไปตลอด จะแก้ไขได้อย่างไร ต้องไปติดตามกัน

หลังจากรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบคะแนนที่ให้คือ 6.5/10 คะแนน เป็นหนังแนวใหม่ที่เล่นกับจิตใจ โดยจะหยิบประเด็นเกี่ยวกับจิตวิทยาเข้ามาเป็นโครงเรื่องหลัก บวกกับความสยองขวัญ บรรยากาศในเรื่องหลอนสุด ๆ เนื้อเรื่องค่อย ๆ เล่า ไม่หนักมากเกินไป นักแสดงเล่นดี เรียกได้ว่าเป็นการนำเสนอหนังแบบใหม่ ๆ ที่ดูได้เพลิน ๆ แต่บางฉากอาจยังดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไร เหมือนจับเนื้อหามาใส่ ๆ ไปนิดนึง แต่ภาพรวมแล้วก็เป็นหนังที่ยังสร้างความสนุกให้ไม่น้อย แถมหนังยังใส่ฉากจบแบบหักมุมมาอีก ถือว่าดีไม่น้อย