The Curse of Wolf Mountain (2023)

หนังเรื่อง The Curse of Wolf Mountain (2023) เป็นหนังฝรั่งแนวสยองขวัญ อำนวยการสร้างโดย เดวิด ลิปเปอร์, เคลิ ไพรซ์, และ โจชัว ซานตานา เขียนบทโดย เคลลี ไพรซ์ กำกับภาพโดย โจชัว ซานตานา ตัดต่อภาพโดย จอร์จ โฟลซีย์ จูเนียร์ กำกับการแสดงโดย เดวิด ลิปเปอร์ มาพร้อมกับนักแสดงนำมากมาย ได้แก่ เคลลี ไพรซ์ รับบทเป็น เอเจ, คาริสซา ลี สเตเปิลส์ รับบทเป็น ซาแมนธา, เดวิด ลิปเปอร์ รับบทเป็น แม็กซ์, แดนนี เทรโฮ รับบทเป็น เอ็ดดี, เฟอร์นันดา โรเมโร รับบทเป็น เล็กซี, มาลู เทรเวโฮ รับบทเป็น เอมมา, และ แมตต์ ไรฟ์ รับบทเป็น เจมส์

เป็นเรื่องราวที่มีจุดเริ่มต้นมาจากภูเขาแห่งหนึ่งอยู่ทางตอนใต้ของแคลิฟอร์เนีย วันนั้นได้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นกับครอบครัวของเด็กชายสองคนคือ เอเจ กับ แม็กซ์ จนทำให้พ่อกับแม่ของพวกเขาเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน และเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็น่าสะพรึงกลัวมาก เมื่อเวลาผ่านไป 20 ปีจนคิดว่าเด็กทั้งสองลืมเรื่องราวต่าง ๆ ได้แล้ว แต่เปล่าเลยพวกเขายังจำได้ดีโดยเฉพาะ เอเจ เขาฝันร้ายบ่อยมากขึ้น และในความฝันเขาก็ได้ยินเสียงพ่อกับแม่ของเขาร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด แต่โชคดีที่ แม็กซ์ พี่ชายของเขาเข้ามาคอยปลอบและอยู่เคียงข้างเขาไม่ไปไหน เพื่อให้เขาตื่นจากความทรงจำในอดีต เขาอยากพิสูจน์ความจริงว่านี่ใช่ความฝันหรือความจริง เพราะในฝันมีทั้งความสดใสและความน่ากลัวในเวลาเดียวกัน เอเจจึงได้ชวนแม็กซ์กับครอบครัวเดินทางไปยังภูเขาแห่งนี้ด้วยกัน และนี่คือการเดินทางครั้งใหม่ที่จะพาพวกเขาย้อนกลับไปหาอดีต รวมทั้งภัยอันตรายก็ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาในชีวิตของพวกเขาอีกครั้ง หากใครอยากรู้ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อนั้น ทุกคนสามารถเข้ามาร่วมลุ้นเพื่อติดตามไปพร้อมกันได้ที่นี่เลย

หลังจากที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว ขอสรุปว่าเป็นหนังสยองขวัญที่ถ่ายทอดเรื่องราวของครอบครัวหนึ่ง ซึ่งพ่อแม่ของเด็กชายทั้งสองคนถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมบนภูเขา จนทำให้พี่น้องคู่นี้ไม่มีพ่อแม่เหมือนครอบครัวอื่น สำหรับพล็อตเรื่องถือว่าดีใช้ได้ มีการดำเนินเรื่องไม่ซับซ้อนในเรื่องการย้อนอดีต นอกจากนี้ยังสะท้อนให้คนดูเห็นถึงความยากลำบากในการสร้างหนังดี ๆ ขึ้นมาสักเรื่อง ซึ่งทีมงานที่สร้างหนังได้เตรียมทั้งตัวละครหลัก และตัวละครสมทบโดยแยกเป็นสองฝั่งคือ นักแสดงที่ได้รับบทบาทแข็งแกร่ง กับนักแสดงที่ได้รับบทอ่อนแอกว่า เพื่อสร้างจุดสมดุลให้หนังดูสมบูรณ์แบบลงตัวที่สุด ขณะที่สถานที่ในการถ่ายทำยังเลือกได้เหมาะสมเข้ากับเนื้อหาภายในหนัง เพื่อให้ง่ายต่อการแยกตัวออกมา การอำพรางตัวและใช้พื้นที่กว้างขวางให้เป็นประโยชน์อีกด้วย แล้วดนตรีประกอบหนังของ สตีเฟน เอ็ดเวิร์ดส์ ยังสะท้อนให้คนดูเห็นถึงอิทธิพลของ เจอร์รี โกลด์สมิธ และ เอนนิโอ มอร์ริโคเน รวมถึงนักประพันธ์เพลงคนอื่นที่มีค่ามาก ส่วนจุดด้อยของหนังได้แก่ งานภาพที่ถ่ายออกมาแบบวันต่อคืนใช้งานไม่ได้ บางครั้งคนดูสามารถมองเห็นท้องฟ้าสีครามสดใสเหนือต้นไม้ ในขณะที่สถานที่บางจุดบนภูเขาก็มืดเกินกว่าจะมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดในฉาก สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ ฉากมีความลงตัว แสงไม่ค่อยสว่างเท่าไร สีมีความสวยงาม โดยรวมขอให้คะแนนอยู่ที่ 7 เต็ม 10 คะแนน