Teen Spirit (2018) ทีน สปิริต

หนังเรื่อง Teen Spirit (2018) ทีน สปิริต เป็นหนังฝรั่งแนวดราม่า อำนวยการสร้างโดย เฟรด เบอร์เกอร์ กำกับภาพโดย ออทัมน์ ดูรัลด์ ตัดต่อภาพโดย แคม แมคลาฟลิน เขียนบทและกำกับการแสดงโดย แม็กซ์ จอร์โจ ชัว มิงเกลลา มาพร้อมกับนักแสดงนำมากมาย ได้แก่ แมรี แอลล์ แฟนนิง รับบทเป็น ไวโอเล็ต วาเลนสกี, รีเบคกา มาเรีย ฮอลล์ รับบทเป็น จูลส์, ซลัตโก้ บูริก รับบทเป็น วลาด บรัคโควิช, มิลลี่ แบรดี รับบทเป็น อนาสตาเซีย, แอ็กนีสซก้า โกรชอว์สกา รับบทเป็น แม่ไวโอเล็ต, เอลิซาเบธ แอน เบอร์ริงตัน รับบทเป็น ลอเรเน, อาร์ชี มาเดคเว รับบทเป็น ลูค, เออร์ซูล่า ฮอลลิเดย์ รับบทเป็น ลูอีซ, ริอา ซมิโตรวิช รับบทเป็น เฮลี่, คาร่า รูการ์ด รับบทเป็น ร็อกซี่, โอปราห์ วินฟรีย์ รับบทเป็น เคลลี่, โอลีฟ เกรย์ รับบทเป็น ลิซ่า, แอนดรูว์ เอลลิส รับบทเป็น โรเจอร์, รูอิรี่ โอคอนเนอร์ รับบทเป็น เคยัน สเปียซ และ จอร์แดน เดวิด สตีเฟนส์ รับบทเป็น โรลโล่

เนื้อเรื่องจะเป็นเรื่องราวของ ไวโอเล็ต วาเลนสกี สาวน้อยที่มีความฝันตั้งแต่วัยเด็กว่าอยากประกอบอาชีพนักร้อง เธอเลยลงชื่อสมัครประกวดร้องเพลงในรายการ Teen Spirit (ทีน สปิริต) และนี่คือครั้งแรกที่เธอต้องแข่งขัน แล้วต้องเอาชนะผู้เข้าประกวดคนอื่นให้ได้ แต่ใครจะรู้ว่านับตั้งแต่วันที่เธอสมัครเข้ามา ก็เริ่มมีอุปสรรคต่าง ๆ มากมายถาโถมเข้าหาเธอทีละนิด จนตัวเธอแทบจะแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียวไม่ไหว ซึ่งมันไม่ง่ายเลยที่เธอจะผ่านไปได้แต่ละเรื่อง ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อ เธอจะเป็นผู้ชนะของรายการ ทีน สปิริต ได้หรือไม่ และเธอจะสามารถจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ไหม มาติดตามและลุ้นไปกับเธอได้เลย

หลังจากที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว ขอสรุปว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังแนวดราม่า โที่เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะคนที่กำลังตามหาความฝันอยู่ เพราะเนื้อหาในเรื่องเป็นเหมือนแรงบันดาลใจ ให้กับผู้ชมได้มีกำลังใจสู้ต่อไป เพื่อทำตามความฝันของตัวเองให้เป็นจริง ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรคมาขวางตรงหน้าก็ตาม ทุกคนก็ต้องผ่านไปให้ได้ ซึ่งด้านของพล็อตเรื่องก็ถือว่าใช้ได้ในระดับหนึ่ง ส่วนจุดเด่นของเรื่องนี้ก็มีหลายข้อ เริ่มต้นด้วยเพลงที่เลือกให้ตัวละครนำมาใช้ในการประกวด ซึ่งช่วยให้บรรยากาศภายในหนังดูสนุก น่าติดตาม ดูหนังได้อย่างเพลิดเพลิน ส่วนจุดด้อยของหนังคือ การเดินเรื่องไม่ลื่นไหล ทำให้หนังไม่ค่อยมีความน่าสนใจเท่าที่ควร เนื่องจากภาพของฉากที่ถ่ายทำดูไม่มีสีสัน แถมยังมีเรื่องราวของตัวละครที่ชีวิตไม่มีความสุข ไม่เหมือนกับเด็กทั่วไปในวัยเดียวกัน และยังมีฉากที่ตัวละครหลักต้องโดนดูถูกสารพัด ซึ่งอาจจะทำให้คนดูรู้สึกอึดอัดตามไปด้วย แต่ต้องยอมรับว่าฉากตอนจบทำออกมาได้ดีมาก นอกจากนี้เทคนิคทางด้านของแสง สี องค์ประกอบโดยรวมของหนังถือว่าทำออกมาได้ดี ไม่ได้แย่เท่าไร พอดูได้ ส่วนคะแนนภาพรวมทั้งหมดของหนังเรื่องนี้เราให้ 5 เต็ม 10 คะแนน