Second Life (2024) ตัวมัมประจำคุก

Second Life (2024) ตัวมัมประจำคุก เป็นภาพยนตร์แนวแอ็กชัน ดรามาที่เล่าเรื่องการไถ่บาปและความสัมพันธ์แม่ลูกในโลกอาชญากรรม กำกับโดย Suiqiang Huo นำแสดงโดย Qiu Yuen ในบท เหลียงเจี๋ย อดีตหญิงนักโทษผู้แข็งแกร่ง, Philip Ng รับบท อากุ้ย มือสังหารตาบอดผู้ปลอมตัวเป็นลูกชาย, และ Jiahe Ji ในบท หงเจี๋ย เนื้อหาของหนังผสานความเข้มข้นของฉากแอ็กชันเข้ากับดราม่าครอบครัวอย่างลึกซึ้ง

เรื่องราวเริ่มต้นจาก เหลียงเจี๋ย หญิงสาวที่เคยเป็นหนึ่งในสมาชิกแก๊งอันธพาลผู้มีฝีมือ วันหนึ่งเธอตัดสินใจลุกขึ้นสู้และฆ่าหัวหน้าแก๊งด้วยเหตุผลที่เธอไม่เคยเปิดเผย นั่นทำให้เธอต้องโทษจำคุกยาวนานกว่า 30 ปี และระหว่างอยู่ในคุก เธอได้ให้กำเนิดลูกชายซึ่งถูกนำเข้าสู่ระบบอุปถัมภ์โดยรัฐ หลังจากพ้นโทษ เธอกลับออกมาในวัยชรา ตั้งใจจะใช้ชีวิตเงียบ ๆ และหวังว่าจะได้พบลูกชายสักครั้งในชีวิต แต่ความสงบที่เธอหวังไว้กลับไม่มีอยู่จริง เมื่อแก๊งเก่าที่เธอเคยหักหลังได้ส่ง อากุ้ย มือสังหารตาบอด มาปลอมตัวเป็นลูกชายของเธอเพื่อลวงเข้าใกล้และสังหารเธอให้สิ้นซาก ทว่าเมื่ออากุ้ยได้ใช้ชีวิตร่วมกับเหลียงเจี๋ย เขาเริ่มเห็นความเป็นมนุษย์และความรักที่แท้จริงในตัวหญิงชราผู้โดดเดี่ยวคนนี้ ความรู้สึกของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนจากภารกิจสังหารกลายเป็นการตั้งคำถามถึงเป้าหมายชีวิตของตนเอง ในขณะเดียวกัน เหลียงเจี๋ยก็เริ่มสงสัยในตัวชายหนุ่มที่อ้างว่าเป็นลูกของเธอ ความสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูกที่ไม่ได้มีสายเลือดอาจจะเปลี่ยนอนาคตของทั้งสองคน และอาจเปลี่ยนแปลงแก่นแท้ของโลกที่พวกเขาเคยเชื่อมาตลอด

นี่คือหนังที่นำเสนอพล็อตเรื่องที่ค่อนข้างแหวกแนว โดยหยิบเอาความเป็นแม่มาผูกกับโลกใต้ดินของอาชญากรรมได้อย่างทรงพลัง การเล่าเรื่องดำเนินไปอย่างมีชั้นเชิง ใช้จังหวะค่อย ๆ ปล่อยข้อมูลทีละนิดให้ผู้ชมได้คิดตาม ความตึงเครียดระหว่างตัวละครที่ต่างก็มีอดีตดำมืดช่วยสร้างความเข้มข้นตลอดเรื่อง ด้านงานโปรดักชันแม้จะไม่หวือหวา แต่เน้นความสมจริง โลเคชั่นคุกและเมืองเก่าให้บรรยากาศเศร้าและสะท้อนความสันโดษของตัวละครหลักได้ดี มุมกล้องใช้การจับภาพระยะใกล้เพื่อเน้นอารมณ์ของนักแสดง โดยเฉพาะฉากเผชิญหน้าของ Qiu Yuen และ Philip Ng ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของเรื่อง แสงสีถูกใช้ให้อึมครึมแต่สวยงาม กลมกลืนกับโทนเรื่อง ขณะที่ดนตรีประกอบเน้นความเงียบและเสียงบรรยากาศช่วยขับดรามาให้ลึกซึ้งขึ้น โดยรวมถือเป็นหนังแอ็กชันดรามาที่ไม่ควรพลาดอีกเรื่องหนึ่ง เราให้คะแนนที่ 8.5/10 คะแนน