Popeye’s Revenge (2025)

Popeye’s Revenge (2025) เป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญ คอมเมดี้ ที่นำแรงบันดาลใจจากตัวละครการ์ตูนคลาสสิกอย่าง Popeye มาตีความใหม่ให้บิดเบี้ยวจากเดิม โดยได้ผู้กำกับหน้าใหม่อย่าง William Stead มานั่งแท่นกำกับ และเขียนบทโดย Harry Boxley ร่วมกับ E.C. Segar นักแสดงนำได้แก่ Emily Mogilner, Connor Powles, และ Danielle Ronald ภาพยนตร์นี้ไม่ได้เล่าเรื่องของฮีโร่กินผักโขมแบบเดิม แต่เป็นการสร้างตำนานปีศาจขึ้นจากภาพจำเก่า ๆ ของ Popeye และใช้มันเป็นเครื่องมือในการสะท้อนพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ในยุคที่ศีลธรรมกำลังเลือนรางหายไป

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นเมื่อกลุ่มที่ปรึกษาหนุ่มสาวจากเมืองใหญ่เดินทางมายังพื้นที่ห่างไกลในชนบท เพื่อเตรียมสถานที่จัดค่ายฤดูร้อนสำหรับเด็ก ๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อรีแบรนด์สถานที่เก่าแก่แห่งนี้ให้กลายเป็นจุดท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ แต่พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าค่ายแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของตำนานท้องถิ่นสุดหลอนเกี่ยวกับ Popeye the Sailor เขาไม่ใช่ฮีโร่การ์ตูนอย่างที่ใครหลายคนรู้จัก แต่เป็นอดีตกะลาสีเรือผู้คลั่งไคล้ผักโขม จนกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่อ้างว่าผักโขมทำให้เขาได้ยินเสียงจากท้องทะเล คืนแรกในค่ายเริ่มต้นด้วยเสียงหัวเราะและเบียร์เย็น ๆ แต่หลังจากหนึ่งในทีมที่ปรึกษาหายตัวไปโดยไม่ทิ้งร่องรอย ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว ชิ้นส่วนของร่างกายที่ถูกจัดวางอย่างจงใจเริ่มปรากฏขึ้น ทิ้งเงื่อนไขประหลาดบางอย่างไว้กับทุกคน และเบื้องหลังนั้นมีเสียงท้องทะเลและกลิ่นของผักโขมตลบอบอวลอยู่ทุกที่ การล้างแค้นของ Popeye กลับมาอีกครั้งในรูปแบบที่ไม่มีใครคาดคิด และทุกคนต้องไขปริศนาในอดีตเพื่อเอาชีวิตรอด ก่อนที่พวกเขาจะกลายเป็นเหยื่อรายถัดไปของกะลาสีปีศาจ

นี่คือหนังสยองขวัญที่แตกต่างจากหนังทั่วไปด้วยการใช้ตัวละครการ์ตูนคลาสสิกมาปรับโทนเป็นปีศาจในตำนานได้อย่างกล้าบ้าบิ่น การเล่าเรื่องมีจังหวะที่ดีในช่วงแรก และค่อย ๆ ปล่อยความระทึกเข้ามาทีละขั้น งานโปรดักชันโดดเด่นด้วยการออกแบบฉากค่ายฤดูร้อนที่เหมือนทั้งฝันและฝันร้าย มุมกล้องใช้เทคนิคแบบมุมสูงเพื่อตอกย้ำความโดดเดี่ยวและความน่ากลัว แสงใช้โทนเขียวคล้ำและสีฟ้าหม่น ๆ เพื่อสื่อถึงบรรยากาศที่วังเวง เสียงประกอบมีทั้งคลื่นทะเล เสียงลมหอบ และเสียงพึมพำของ Popeye ที่ทำให้หลอนจริงจัง ถึงแม้บางช่วงหนังจะเล่นมุกคอมเมดี้ได้ไม่สุด และความสมจริงในบางฉากอาจหลุดไปบ้าง แต่โดยรวมถือว่าเป็นผลงานต์ที่น่าจับตามองอีกเรื่องหนึ่ง เราให้คะแนนหนังที่ 7.5/10 คะแนน