Plankton The Movie (2025) แพลงค์ตอน เดอะ มูฟวี่

Plankton The Movie (2025) แพลงค์ตอน เดอะ มูฟวี่ ภาพยนตร์แอนิเมชันแนวคอมเมดี้ ผจญภัยที่สร้างจากจักรวาลของ SpongeBob SquarePants กำกับโดย Dave Needham เขียนบทโดย Mr. Lawrence, Kaz, และ Chris Viscardi หนังเรื่องนี้ได้นักพากย์เสียงจากต้นฉบับกลับมาร่วมงาน ได้แก่ Mr. Lawrence พากย์เสียงเป็น แพลงก์ตอน, Jill Talley พากย์เสียงเป็น คาเรน, และ Tom Kenny พากย์เสียงเป็น สพันจ์บ็อบ ภาพยนตร์เล่าถึงการผจญภัยของ แพลงก์ตอน ที่ต้องรับบทเป็นฮีโร่จำเป็น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตของเขา ภาพยนตร์นี้จึงเต็มไปด้วยอารมณ์ขันสไตล์ SpongeBob ที่ผสมผสานกับการผจญภัยสุดมันส์และการเล่าเรื่องที่สนุกสุดมันส์

หลังจากพยายามขโมยสูตรลับของ แครบบี้ แพตตี้ มานานหลายปี แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ แพลงก์ตอน เริ่มหมดหวังและทบทวนชีวิตของตัวเอง แต่เหตุการณ์กลับพลิกผันอย่างคาดไม่ถึง เมื่อ คาเรน คอมพิวเตอร์คู่ใจของเขา ซึ่งอยู่เคียงข้างมาตลอด เริ่มเบื่อหน่ายกับความล้มเหลวของแพลงก์ตอน และพัฒนาความคิดของตัวเองว่าเธอสามารถทำได้ดีกว่า ไม่ใช่แค่ขโมยสูตรลับ แต่ควบคุมโลกทั้งใบได้ ด้วยการอัปเกรดตัวเองให้มีพลัง AI อัจฉริยะ คาเรนเริ่มแฮ็กระบบทั่วทั้ง Bikini Bottom และสร้างกองทัพหุ่นยนต์เพื่อควบคุมเมือง แพลงก์ตอนที่ตกตะลึงกับพฤติกรรมของภรรยาตัวเอง กลายเป็นความหวังสุดท้ายของทุกคนในการหยุดยั้งเธอ เพราะถึงแม้แพลงก์ตอนจะไม่ใช่ฮีโร่ แต่เขากลับได้รับความช่วยเหลือจากทีมที่ไม่น่าเป็นไปได้ นั่นก็คือ สพันจ์บ็อบ, แซนดี้, เพิร์ล, และคุณนายพัฟ พวกเขาร่วมกันวางแผนบุกเข้าไปในฐานทัพของคาเรนที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างแน่นหนา เพื่อปิดระบบหลักและคืนอิสระให้แก่ Bikini Bottom อย่างไรก็ตาม ระหว่างภารกิจ แพลงก์ตอนต้องเผชิญหน้ากับคำถามที่ใหญ่ที่สุดในโลกว่าเขารักคาเรนจริง ๆ หรือแค่ต้องการให้เธอเชื่อฟัง และเขาจะสามารถช่วยโลกโดยไม่ต้องทำลายภรรยาของเขาได้หรือไม่ ติดตามรับชมต่อได้ที่นี่

หนังเรื่องนี้ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมสำหรับแฟน ๆ SpongeBob SquarePants ด้วยอารมณ์ขันที่คมคายและแฝงไปด้วยการเสียดสีเทคโนโลยี AI ที่กำลังเติบโตในโลกปัจจุบัน การเล่าเรื่องดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เต็มไปด้วยมุกตลกที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เพลิดเพลินได้ จุดเด่นของหนังคือการนำ แพลงก์ตอน มาเป็นตัวเอก ซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ยนมุมมองจากเรื่องหลักได้อย่างน่าสนใจ โดยให้ตัวละครที่มักเป็นตัวร้าย ได้มีโอกาสพิสูจน์ตัวเองในฐานะฮีโร่ ด้านงานโปรดักชัน ภาพแอนิเมชันมีคุณภาพสูง สีสันสดใส มุมกล้องและการเคลื่อนไหวของตัวละครมีความสมูท ซาวด์แทร็กและเสียงประกอบยังคงรักษาเอกลักษณ์แบบ SpongeBob ได้ดี โดยเฉพาะเสียงหัวเราะอันเป็นเอกลักษณ์ของ Tom Kenny และเสียงแหบของ Mr. Lawrence ที่ทำให้แพลงก์ตอนมีเสน่ห์มากขึ้น นอกจากนี้ หนังยังมีฉากแอ็กชันที่สนุกและฉากซึ้งที่ทำให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างแพลงก์ตอนและคาเรนได้อย่างลึกซึ้ง โดยรวมภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแอนิเมชันที่มีทั้งความสนุก ตลก และข้อคิดเกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เราจึงให้คะแนนหนังที่ 9/10 คะแนน