Homestead (2024) โฮมสเตด

Homestead (2024) โฮมสเตด ภาพยนตร์แนวดรามา ระทึกขวัญ กำกับโดย Ben Smallbone เขียนบทโดย Phillip Abraham, Leah Bateman, และ Ben Kasica นำแสดงโดย Dawn Olivieri, Neal McDonough, และ Currie Graham หนังเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอดีตทหารหน่วยรบพิเศษ Green Beret ที่ตัดสินใจเข้าร่วมชุมชนกลุ่ม Prepper หรือกลุ่มที่เตรียมตัวรับมือกับวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ในช่วงที่โลกกำลังเผชิญกับความโกลาหล

เมื่อโลกเข้าสู่ภาวะวิกฤติและความไม่แน่นอนปกคลุมไปทั่ว แจ็ค คาร์เตอร์ อดีตทหารหน่วย Green Beret ได้รับการชักชวนให้เข้าร่วม “โฮมสเตด” ชุมชนลับที่ก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มคนที่เชื่อในการเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติและการล่มสลายของสังคม เขาเข้ามาเพราะต้องการที่พักพิง แต่สิ่งที่เขาพบกลับเป็นมากกว่าการอยู่รอด ชุมชนนี้มีกฎระเบียบที่เข้มงวด และเต็มไปด้วยความลับที่ถูกปิดบัง แม้แต่ ซาร่าห์ หญิงสาวที่เขาเริ่มมีความรู้สึกดีด้วย ก็อาจไม่ได้เป็นคนที่เขาไว้ใจได้ทั้งหมด ขณะที่แจ็คพยายามปรับตัวและสร้างความไว้วางใจในกลุ่ม สมาชิกบางคนเริ่มสงสัยในตัวเขา การเผชิญหน้ากับกลุ่มคนนอกที่พยายามเข้ามาแย่งชิงทรัพยากรทำให้ความตึงเครียดเพิ่มขึ้น เมื่อความจริงบางอย่างเกี่ยวกับชุมชนนี้ถูกเปิดเผย แจ็คต้องเลือกระหว่างการยอมรับกฎของโฮมสเตด หรือยืนหยัดต่อสู้กับอำนาจเผด็จการภายในกลุ่ม เมื่อความขัดแย้งระหว่างสมาชิกกลายเป็นจุดแตกหัก แจ็คและซาร่าห์ต้องร่วมมือกันเพื่อเอาชีวิตรอดและปกป้องคนที่เขารัก ในขณะเดียวกัน ความลับที่เก็บซ่อนไว้ก็เริ่มปรากฏขึ้น ทำให้แจ็คต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ ว่าเขาควรอยู่หรือออกจากโฮมสเตดนี้ไปตลอดกาล

ภาพยนตร์สร้างบรรยากาศระทึกขวัญและกดดันได้ดี จุดเด่นของหนังคือการนำเสนอประเด็นเกี่ยวกับการเอาตัวรอดและจิตวิทยาของมนุษย์ภายใต้สถานการณ์ที่บีบคั้น การเล่าเรื่องดำเนินไปอย่างช้าแต่เข้มข้น ค่อย ๆ เปิดเผยปมและความลับของตัวละคร มุมกล้องที่ใช้เน้นไปที่การจับภาพระยะใกล้ เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกอึดอัดและมีส่วนร่วมกับตัวละคร แสงและสีของภาพยนตร์ใช้โทนหม่นและเย็น เพื่อสะท้อนถึงบรรยากาศของโลกที่ใกล้จะล่มสลาย เสียงประกอบช่วยเสริมอารมณ์ได้ดี จุดอ่อนของหนังอยู่ที่บางฉากดำเนินเรื่องช้าเกินไป และอาจไม่ถูกใจผู้ชมที่คาดหวังฉากแอ็กชันเยอะ ๆ เพราะหนังเน้นไปที่การสำรวจจิตใจตัวละครมากกว่าฉากบู๊ แต่ด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยมของ Neal McDonough และ Dawn Olivieri ทำให้หนังยังคงน่าติดตามจนถึงตอนจบ โดยรวมแล้วเราให้คะแนนหนัง 8/10 คะแนน