Heropanti 2 (2022)

หนังเรื่อง Heropanti 2 (2022) เป็นหนังอินเดียแนวแอ็กชัน โรแมนติก ดราม่า อำนวยการสร้างโดย ซาจิด นาดีอดวาลา เขียนบทโดย ราจาต อาโรรา กำกับภาพโดย คาเบียร์ ลาล ตัดต่อภาพโดย ราเมชวาร์ เอส. บากาต กำกับการแสดงโดย อาห์เมด ข่าน มาพร้อมกับนักแสดงนำมากมาย ได้แก่ ไจ เหมันต์ ชรอฟฟ์ รับบทเป็น บาบลู รานาวัต (แฮกเกอร์), นวาซุดดิน ซิดดิกิ รับบทเป็น ไลลา (อาชญกรทางไซเบอร์), ทารา สุทาเรีย รับบทเป็น อินาอายา (น้องสาวไลลา), ซากีร์ ฮุสเซน รับบทเป็น อาซาด ข่าน (เจ้าหน้าที่ CBI), อมิตา ซิงห์ รับบทเป็น เฮมา (แม่บาบลู), นาเรช โกเซน รับบทเป็น โดกรา, และ เกชะ รับบทเป็น วอง

เนื้อเรื่องเป็นเรื่องราวของนักแฮกเกอร์ชื่อดังหรือ บาบลู รานาวัต โดยเขานั้นได้รับภารกิจจาก อาซาด ข่าน ให้มาติดตาม และหยุดการทำอาชญากรรมทางไซเบอร์ของหญิงสาวรายหนึ่งซึ่งก็คือ ไลลา เนื่องจากเธอได้คิดค้น และสร้างแอปพลิเคชันหนึ่งขึ้นมาเพื่อใช้ในการขโมยข้อมูลต่าง ๆ รวมไปถึงการถอนเงินสดทั้งหมดที่มีอยู่ในบัญชีธนาคารของคนอื่นด้วย ทำให้ผู้คนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน ในเวลาต่อมา บาบลู ก็ได้สืบประวัติของเธอ และรู้ว่าเธอมีน้องสาวจึงเข้าไปตีสนิทเพื่อจีบ อินาอายะ จากนั้นเขาก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อแฝงตัวเข้าไปในแอปพลิเคชันนั้น และทำลายข้อมูลทั้งหมด ไม่นานเขาก็ย้ายบ้านไปใช้ชีวิตอยู่กับแม่ของเขาสองคน แต่ ไลลา กลับพลิกแผ่นดินตามหาเขาพร้อมส่งลูกน้องไปดักจับตัวเขามา เขาเลยบอกเรื่องนี้กับ อินาอายะ ว่าแท้จริงแล้วพี่สาวของเธอเป็นอาชญากรทางไซเบอร์ และกำลังตั้งองค์กรขนาดใหญ่ขึ้นมาเพื่อสังหารผู้คนมากมาย และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาต้องเอาชนะพี่สาวของเธอให้ได้ สำหรับใครที่อยากรู้ว่า บาบลู รานาวัต จะทำภารกิจในครั้งนี้ได้สำเร็จหรือไม่ เชิญมาลุ้นเพื่อเอาใจช่วยเขาต่อที่นี่ได้เลย

หลังจากที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว ขอสรุปว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังแนวแอ็กชัน โรแมนติก ดราม่า โดยเนื้อหาภายในหนังเรื่องนี้ทำออกมาได้ทันสมัยเข้ากับยุคปัจจุบันของมนุษย์ เพราะนำเทคโนโลยีของคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือมาประยุกต์ผสมผสานรวมอยู่ในเรื่องเดียวกัน แถมยังใช้ความเป็นเอกลักษณ์ของหนังอินเดียเข้ามาทำให้หนังดูแล้วสนุก เพลิดเพลินตามไปด้วย สำหรับด้านพล็อตเรื่องนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีพอสมควร ส่วนจุดเด่นของหนังคือตัวละครหลักของเรื่อง ไจ เหมันต์ ชรอฟฟ์ รับบทเป็นผู้มีความสามารถรอบด้าน แถมเป็นแฮกเกอร์อัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ จุดนี้แหละที่มีส่วนช่วยให้หนังไม่น่าเบื่อ ต่อมาด้านฉากแอ็กชันก็ดุเดือดมาก ชวนให้คนดูลุ้นระลึกไปกับตัวละครตลอดทั้งเรื่อง ส่วนจุดด้อยของหนังเรื่องนี้มีเพียงเล็กน้อยคือ หนังดูไร้สาระ รวมทั้งตัวละครที่ชื่อว่า ทารา สุทาเรีย แสดงได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร และ นวาซุดดิน ซิดดิกิ ก็แสดงออกมาได้แบบขี้ประจบประแจงมากเกินไปจนทำให้หนังดูน่ารำคาญไปบ้าง สุดท้ายเรื่องเทคนิคทางด้านของแสง สี และเสียงประกอบหนังถือว่าพอใช้ได้ ทำให้องค์ประกอบโดยรวมของหนังออกมาดี ส่วนคะแนนภาพรวมทั้งหมดของหนังเรื่องนี้เราให้อยู่ที่ 7 เต็ม 10 คะแนน