Blue Period (2024) บลูพีเรียด

Blue Period (2024) บลูพีเรียด เป็นภาพยนตร์แนวดรามา คอมเมดี้ที่สร้างจากมังงะชื่อดังของ สึบาสะ ยามากุจิ กำกับโดย เคนทาโร ฮางิวาระ นำแสดงโดย กอร์ดอน มาเอดะ ในบท ยาโทระ ยางุจิ, ฟูมิยะ ทากะฮาชิ ในบท ริวจิ อายุคาวะ, ริโฮโตะ อิทางะกิ ในบท โยตะสุเกะ ทากะฮาชิ, ฮิโยริ ซากุราดะ ในบท มารุ โมริ, และ เซนะ มากาจิมะ ในบท มากิ คูวานะ หนังเล่าถึงการเดินทางของวัยรุ่นที่ค้นพบความหมายของชีวิตผ่านศิลปะ ถ่ายทอดทั้งความสวยงามและความเจ็บปวดของการไล่ตามความฝัน อีกทั้งยังเจาะลึกถึงแรงกดดันทางสังคม การแข่งขัน และเส้นทางการเติบโตของตัวละครหลัก

ว่าด้วยเรื่องราวของ ยาโทระ ยางุจิ นักเรียนมัธยมปลายที่ภายนอกดูเหมือนเป็นเด็กเกเร เขาเรียนดีแต่ใช้ชีวิตแบบไร้เป้าหมาย วันหนึ่งเขาได้เห็นภาพวาดของรุ่นพี่ชมรมศิลปะ ซึ่งกระตุ้นให้เขาตั้งคำถามกับตัวเองเป็นครั้งแรกในชีวิตว่า ฉันต้องการอะไรจริง ๆ กันแน่? แรงบันดาลใจนั้นทำให้เขาตัดสินใจเริ่มต้นเส้นทางศิลปะ แม้จะไม่มีพื้นฐานเลยก็ตาม ยาโทระต้องดิ้นรนเรียนรู้ทักษะต่าง ๆ เพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะโตเกียว (TUA) ซึ่งขึ้นชื่อว่ามีอัตราการแข่งขันสูงที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ระหว่างทาง เขาต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายมากมาย ทั้งแรงกดดันจากครอบครัว คำถามจากเพื่อน ๆ และการเปรียบเทียบตัวเองกับเหล่าอัจฉริยะ ที่ดูเหมือนจะเกิดมาเพื่อศิลปะโดยธรรมชาติ แต่แม้จะเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ยาโทระยังคงพยายามต่อไปด้วยความมุ่งมั่นและความหลงใหลในศิลปะที่เติบโตขึ้นในใจของเขา การเดินทางของเขาไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของการวาดภาพ แต่เป็นการค้นพบตัวเองและการเติบโตในฐานะศิลปินและมนุษย์คนหนึ่ง

ภาพยนตร์ถ่ายทอดเรื่องราวของการไล่ตามความฝันได้อย่างลึกซึ้งและสมจริง การเล่าเรื่องค่อย ๆ พาผู้ชมเข้าไปสัมผัสกับโลกของศิลปะที่ไม่ได้มีเพียงความสวยงาม แต่เต็มไปด้วยการแข่งขันและความกดดัน หนังสะท้อนถึงความยากลำบากของคนที่ไม่ได้มีพรสวรรค์ แต่เลือกเดินบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย ฉากต่าง ๆ ถ่ายทอดบรรยากาศได้อย่างยอดเยี่ยม ตั้งแต่มุมกล้องที่ใช้จับภาพงานศิลปะและอารมณ์ของตัวละคร ไปจนถึงแสงสีที่ถูกออกแบบให้สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ ด้านดนตรีประกอบช่วยขับเน้นความรู้สึกของตัวละคร การแสดงของ กอร์ดอน มาเอดะ ถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ผู้ชมอินไปกับการเติบโตของยาโทระ จุดอ่อนของหนังอยู่ที่บางช่วงดำเนินเรื่องค่อนข้างเร็ว แต่โดยรวมแล้ว ถือเป็นหนังที่ให้แรงบันดาลใจอย่างมหาศาล โดยเฉพาะกับผู้ที่กำลังค้นหาตัวเอง เราให้คะแนนที่ 8.5/10 คะแนน