Battle Royale 2 (2003) เกมนรก สถาบันพันธุ์โหด แบทเทิ่ล โรยัล 2

Battle Royale 2 (2003) เกมนรก สถาบันพันธุ์โหด แบทเทิ่ล โรยัล 2 ภาพยนตร์แอ็กชัน / ดิสโทเปีย จากประเทศญี่ปุ่นปี 2003 กำกับโดย คินจิ ฟูคาซาคุ และ เคนตะ ฟูคาซาคุ ผู้ร่วมเขียนบทภาพยนตร์ร่วมกับ โนริโอะ คิดะ นำแสดงโดย ทัตสึยะ ฟูจิวาระ รับบทเป็น ชูยะ นานาฮาระ, ไอ มาเอดะ รับบทเป็น ชิโอริ คิตาโนะ, ชูโกะ โอชินาริ รับบทเป็น ทาคุมะ อาโออิ, อายานะ ซากาอิ รับบทเป็น นาโอะ อาซากุระ, และ ฮารุกะ ซึเอนากะ รับบทเป็น ฮารุกะ คุเสะ

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นหลังจาก ชูยะ นานาฮาระ และ มารูโกะ หนีออมาจากเกาะแห่งนั้นจากเหตุการณ์เกม แบทเทิล โรยัล ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ในปัจจุบันเข้าสู่ยุคสมัยของการก่อการร้าย ชูยะ นานาฮาระ ได้ก่อตั้งกลุ่มผู้ต่อต้าน กลุ่มรหัส Wild 7 ทำให้นานาฮาระขึ้นเป็นผู้นำกลุ่ม กบฏสากล ในนามความยุติธรรมที่จะนำไปสู่เกมใหม่ ซึ่งจุดประสงค์การทำภารกิจในครั้งนี้คือ การเอาคืนสิ่งที่พวกเขาสูญเสียไปจากเกมอันเลวร้ายที่ผู้ใหญ่ได้สร้างขึ้น ซึ่งมีจุดประสงค์ที่จะต่อต้านรัฐบาลญี่ปุ่น โดยพวกเขาได้จู่โจมทำลาย เมืองหลวงในโตเกียวทั้งตึกจนเกิดความวุ่นวายขึ้น ใน 1 ปีต่อมาทางรัฐบาลญี่ปุ่นจึงได้ออกกฎหมายที่จะมาต่อกรกับกลุ่มก่อการร้าย โดยมีชื่อโครงการว่า BR II ทางรัฐบาลได้ทำการสร้างระบบที่จะให้นักเรียนจากโรงเรียนชิคาโนโตริเดะ นักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 3-บี สมัครเขามาร่วมเกมในครั้งนี้ โดยจำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมในครั้งนี้ มีจำนวน 42 คน ที่จะถูกส่งตัวไปยังเกาะแห่งหนึ่งเพื่อตามล่า นานาฮาระพร้อมกับการกำจัดกลุ่ม Wild 7 หนึ่งในนักเรียนหญิง ชิโอริ คิตาโนะ เธอเป็นลูกสาวของอาจารย์ใหญ่ผู้คุมเกม แบทเทิล โรยัล ที่เสียชีวิตจากกลุ่มผู้ก่อการร้าย เธอเข้าร่วมกับภารกิจนี้เพื่อที่จะแก้แค้นให้พ่อ ซึ่งความโหดร้ายของเกมในครั้งนี้คือ รัฐบาลได้สร้างปลอกคออิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสวมเอาไว้ หากพวกเขาคนใดที่สามารถสังหารนานาฮาระได้ภายใน 3 วัน ก็สามารถกลับบ้านได้ แต่ถ้าหากไม่สำเร็จพวกเขาก็จะถูกฆ่าทั้งหมด เรื่องราวภารกิจของพวกเขาก็ได้เริ่มขึ้น ใครจะเป็นคนรอดจากเกมในครั้งนี้ ติดตามกันต่อได้ในหนังเต็มได้เลย

หลังจากรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบคะแนนที่ให้คือ 7.5/10 คะแนน เป็นภาคต่อที่เพิ่มความโหดมากขึ้นด้วยการนำอาวุธใหม่เข้ามาเพิ่มอย่างปลอกคออิเล็กทรอนิกส์ที่สร้างความตื่นเต้นตลอดทั้งเรื่อง ถ้าให้เทียบเรื่องของความเข้มข้นของจากภาคแรก ถือว่าบทยังอ่อนไปนิดนึง แต่ผู้กำกับก็ยังไม่ทิ้งความเป็นเอกลักษณ์ของเรื่องนี้อย่างการต่อสู้ที่ดุเดือด และการแสดงที่ไร้ที่ติ เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่ควรค่าแก่การดูเลยล่ะ