Bangkok Storm (2023) พายุ กรุงเทพ

หนังเรื่อง Bangkok Storm (2023) พายุ กรุงเทพ เป็นหนังจีนแนวแอ็กชัน อาชญากรรม ดรามา เขียนบทโดย เหยียน ตง และ โจว เทียน กำกับการแสดงโดย โจว เทียน และ คิน โม ยึง มาพร้อมกับนักแสดงนำมากมาย ได้แก่ ฝาน เส้าหวง รับบทเป็น หลิน เฟิง (นักมวย), เจฟฟ์ หลิว รับบทเป็น ชาไค (เจ้านายของ เฟ่ย หล่าย), ซิน ซิน ซวง รับบทเป็น เฟ่ย หล่าย (หัวหน้าคนงาน), และ เหมอ ไจ้ รับบทเป็น เสี่ยว สุย
เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2010 มีนักมวยใต้ดินคนหนึ่งชื่อว่า หลิน เฟิง ได้ถูกไล่ล่าจากคนกลุ่มหนึ่ง และถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสที่บริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดกรุงเทพมหานคร หลังจากนั้นเขาก็นอนหมดสติข้ามวันอยู่บนฝั่ง ขณะนั้นก็มีคนเดินผ่านมาพอดี (เฟ่ย หล่าย) จึงช่วยชีวิตเขาได้ทัน แต่ปรากฎว่าเมื่อเขารู้สึกตัว และฟื้นขึ้นมาเขากลับจำใครไม่ได้เลย เพราะสมองถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงเลยสูญเสียความทรงจำทั้งหมดไป ตัดภาพมาที่ ชาไค ซึ่งเป็นเจ้านายของ เฟ่ย หล่าย เข้ามาหา เฟ่ย หล่าย ที่บ้านเพื่อเจรจาทำสัญญาซื้อขายที่ดิน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ก่อให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง หลิน เฟิ่ง จึงต้องลุกขึ้นมาต่อสู้บนเวทีมวยเพื่อทวงความยุติธรรม และปกป้องคนที่ช่วยชีวิตเขาให้ปลอดภัยด้วยชีวิตของเขาเอง ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อนั้น หลิน เฟิง จะสามารถเอาชนะ ชาไค ได้หรือไม่ และความทรงจำของเขาจะกลับมาทั้งหมดไหม เชิญทุกคนมาลุ้นติดตามไปพร้อมกันได้ที่นี่เลย

หลังจากที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว ขอสรุปว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังแอ็กชัน อาชญากรรม ดรามาที่มีเนื้อหาเรื่องราวเกี่ยวกับนักมวยใต้ดินคนหนึ่งถูกไล่ล่า ทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บ และสูญเสียความทรงจำไประยะหนึ่ง แต่โชคดีที่มีคนใจดีเข้ามาช่วยเหลือ แถมดูแลอย่างดี อยู่มาวันหนึ่งก็มีคนเข้ามาขอเจรจาซื้อขายที่ดินกับคนที่ช่วยเหลือชีวิตเขา ทำให้นักมวยต้องลุกขึ้นมาปกป้องเพื่อไม่ให้ผู้มีพระคุณถูกรังแก และถูกเอาเปรียบ สำหรับพล็อตเรื่องถือว่าอยู่ในระดับดี จุดเด่นของหนังคือ ฉากแอ็กชันดุเดือดมาก ทำให้คนดูได้รับความเพลิดเพลิน และได้ร่วมลุ้นไปกับตัวละครในเวลาเดียวกันด้วย รวมทั้งมีการนำเทคนิคขั้นปรมาจารย์เข้ามาใช้ในการต่อสู้เพื่ออรรถรสในการรับชมของคนดูด้วย นอกจากนี้ตัวละครหลักยังแสดงได้ยอดเยี่ยมมาก แต่ในทางกลับกันจุดด้อยของหนังก็คือ การดำเนินเรื่องเป็นไปด้วยความน่าเบื่อ ใช้เวลาเล่าเรื่องนาน และการแสดงอาจจะเกินจริงไปบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่มากเท่าไร สุดท้ายคือด้านเทคนิคแสง สีมีความสวยงาม ฉากหลัง และบรรยากาศโดยรวมของหนังดีมาก ดังนั้นคะแนนภาพรวมเราให้อยู่ที่ 7.5 เต็ม 10 คะแนน