Attack on Titan the Movie The Last Attack (2024) ผ่าพิภพไททัน การจู่โจมครั้งสุดท้าย

Attack on Titan the Movie The Last Attack (2024) ผ่าพิภพไททัน การจู่โจมครั้งสุดท้าย เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันแนวแอ็กชัน แฟนตาซี ดรามา ที่สร้างจากมังงะชื่อดังของ ฮาจิเมะ อิซายามะ กำกับโดย ยูอิจิโระ ฮายะชิ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นบทสรุปของซีรีส์ Attack on Titan ที่แฟน ๆ หลายรอคอยมาอย่างยาวนาน พากย์เสียงนำโดย ยูกิ คาจิ (เอเรน เยเกอร์), ยูอิ อิชิคาวะ (มิคาสะ แอคเคอร์แมน), ฮิโระ ชิโมโนะ (คอนนี สปริงเกอร์), นัตสึกิ ฮานาเอะ (ฟอลโก กริซ), และ โยชิมาสะ โฮโซยะ (ไรเนอร์ บราวน์) หนังเล่าเรื่องของสงครามครั้งสุดท้ายระหว่างหน่วยสำรวจและเอเรน เยเกอร์ ผู้ที่เลือกใช้พลังแห่งไททันเพื่อนำพาการล้างเผ่าพันธุ์มาสู่โลก

หลังจากความจริงของโลกถูกเปิดเผย เอเรน เยเกอร์ ได้ละทิ้งกำแพงและเลือกเส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ เขาได้ปลดปล่อย The Rumbling ใช้พลังของไททันกว่าล้านตัวเหยียบย่ำทุกสิ่งที่ขวางหน้า เพื่อกวาดล้างเผ่าพันธุ์อื่นที่อยู่นอกเกาะพาราดิส ด้วยความเชื่อว่าเป็นทางเดียวที่จะทำให้ชาวเอลเดียมีอิสระและปลอดภัย เอเรนจึงกลายเป็นศัตรูของโลก แม้กระทั่งเพื่อนเก่าของเขาเอง ในขณะเดียวกัน มิคาสะ, อาร์มิน, คอนนี, ไรเนอร์, และสมาชิกหน่วยสำรวจที่เหลือ ตัดสินใจรวมพลังกันเพื่อหยุดยั้งเอเรน แม้ว่าพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับเพื่อนเก่าที่พวกเขาเคยรักและเชื่อใจ การต่อสู้ครั้งสุดท้ายเริ่มต้นขึ้นบนซากปรักหักพังของโลก การเผชิญหน้าครั้งนี้ไม่ใช่แค่การสู้เพื่อเอาชีวิตรอด แต่เป็นการต่อสู้เพื่อความหวังของมนุษยชาติ มิคาสะและอาร์มิน ต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่โหดร้าย ว่าพวกเขาจะต้องเลือกฆ่าเพื่อนที่พวกเขารัก หรือปล่อยให้โลกถูกทำลาย

ภาพยนตร์นี้ถือเป็นการปิดฉากเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของแฟรนไชส์ได้อย่างสมศักดิ์ศรี หนังถ่ายทอดอารมณ์หนักแน่นและสะเทือนใจผ่านฉากแอ็กชันสุดอลังการและบทสนทนาที่เข้มข้น ด้านงานโปรดักชันนั้นยอดเยี่ยมมาก สตูดิโอ MAPPA ได้ใช้เทคนิคแอนิเมชันที่ละเอียด โดยเฉพาะฉากการต่อสู้ระหว่างไททันที่ทำออกมาได้ทรงพลังและยิ่งใหญ่ ด้านการใช้มุมกล้องนั้นทำได้ดีเยี่ยม โดยเน้นการแพนภาพกว้างเพื่อให้เห็นขนาดมหึมาของไททัน และใช้มุมมองบุคคลที่สามเพื่อเพิ่มความสมจริงของฉากต่อสู้ แสง สี และเสียงประกอบเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของภาพยนตร์ เสียงพากย์ของนักแสดงเดิมยังคงคุณภาพยอดเยี่ยม ถ่ายทอดอารมณ์ตัวละครได้อย่างสมจริง สรุปได้ว่านี่คือบทสรุปที่คู่ควรแก่การรอคอยเป็นอย่างมาก เราให้คะแนนหนังที่ 9.5/10 คะแนน