Luang Pee Jazz 5G (2018) หลวงพี่เเจ๊ส 5G

Luang Pee Jazz 5G (2018) หลวงพี่เเจ๊ส 5G ภาพยนตร์ไทยแนวตลกที่ฉายครั้งแรกในปี 2018 ฝีมือการกำกับโดย พชร์ อานนท์ นำแสดงโดย ผดุง ทรงแสง หรือ แจ๊ส ชวนชื่น, อัครัช จิตตะศิริ, คุณาธิป ปิ่นประดับ, จาตุรงค์ มกจ๊ก, ณัฎฐพัชร์ วิภัทรเดชตระกูล และนักแสดงรับเชิญอีกคับคั่ง
หลังจากที่ “หลวงพี่แจ๊ส” พบเจอกับเรื่องสุดวุ่นวายในเมืองหลวง หลาย ๆ อย่างตั้งแต่ยังเป็นไอ้แจ๊สที่หลายคนเรียกจนบวชเป็นหลวงพี่แจ๊ส จึงทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายและเลือกที่จะบวชต่อไปไม่มีกำหนดสึก พร้อมกับคิดได้ว่าการหาชีวิตที่สงบนั้นทำได้อย่างไรและความสงบสุขอยู่ที่ไหน เพราะแค่หลักในหนังสือธรรมะที่ศึกษาอยู่ที่วัดคงไม่พอ หลวงพี่แจ๊สจึงเลือกออกธุดงค์พร้อมกับลูกศิษย์คนสนิททั้งสองคนนั่นก็คือ “มโน” กับ “สายสิญจน์” เพื่อหาความสงบสุขที่แท้จริง เวลานั้นเองหลวงพี่แจ๊สได้ข่าวว่า “หลวงพ่อจงรวย” ที่หลวงพี่แจ๊สให้ความเคารพได้มาย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัด จากนั้นได้ไปหาหลวงพ่อทันที เมื่อพบหลวงพ่อก็ได้ขอแรงให้หลวงพี่แจ๊สพา “เณรปลื้ม” ไปส่งให้กับ “หลวงพ่อไชยา” ที่กรุงเทพฯ ให้หน่อย ทำให้หลวงพี่แจ๊สและสมุนหนุ่มคู่ใจทั้ง 2 ได้เข้ามากรุงเทพฯ อีกครั้ง และมีเป้าหมายว่าเมื่อทำภาระกิจเรียบร้อยก็จะกลับไปธุดงค์ต่อ แต่หลวงพ่อไชยานั้นได้ชวนให้หลวงพี่แจ๊สอยู่ที่วัดต่อ ด้วยเหตุผลที่จะให้หลวงพี่แจ๊สช่วยเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับวัดในด้านต่าง ๆ แต่ยิ่งอยู่นานขึ้นหลวงพี่ก็รู้สึกได้ถึงความไม่ปกติของหลวงพ่อ และพระลูกวัดที่ดูแล้วไม่ชัดเจนโปร่งใส รู้แบบนี้หลวงพี่แจ๊สและเหล่าสมุนก็อยู่เฉยไม่ได้ จากนั้นก็เริ่มภาระกิจสืบหาความจริงอีกครั้ง โดยครั้งนี้พระแจ๊สจะต้องเจอกับเหตุการณ์อะไรอีกคุณต้องติดตาม
สำหรับหนังในภาคนี้เป็นหนังที่มีพล็อตเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับภาคที่แล้วเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่นำตัวแสดงหลักอย่างตัวหลวงพี่แจ๊ส, มโน, และ สายสิญจน์ มาเป็นตัวหลักในการดำเนินเรื่อง แต่ก็ยังเป็นพล็อตประมาณพระต่างวัดมาพักแล้วก็พบปัญหาที่คนในวัดนั้นมองข้าม จนสุดท้ายหลวงพี่แจ๊สก็เป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาแก้ไขปัญหา แม้ว่าจะมีพล็อตเรื่องที่ไม่ต่างจากภาคแรกนักแต่ก็สามารถดึงดูดให้คนดูติดตามชมได้จนจบเรื่อง ด้วยเพราะมีการดำเนินเรื่องที่ไว กระชับ สนุก และไม่ลืมที่จะแทรกมุขตลกเข้าไป ซึ่งเป็นเหมือนเรื่องหลักของหนังเลยทีเดียว ต่อมาในเรื่องของงานภาพโดยรวม ๆ แล้วทำออกมาได้สวย และเป็นธรรมชาติเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกายของตัวละครแต่ละตัว เรียกว่ามีความใส่ใจและศึกษามาดีเลยทีเดียว เสียงและเพลงประกอบอื่น ๆ ก็ทำได้ค่อนข้างดี จนคนดูสามารถจำได้ นับว่าเรื่องนี้เหมาะกับคนที่ชอบหนังแนวสนุก ผ่อนคลาย และเบาสมองไม่คิดอะไรมาก ดูได้ทั้งครอบครัว สำหรับภาพรวมแล้วให้คะแนนอยู่ที่ 8.0 / 10